
ปิแอร์ โอกุสต์ เรอนัวร์(Pierre-Auguste
Renoir)ชาวฝรั่งเศส เกิดที่เมืองลีมอช(Limoges) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ คศ.1841
เป็นบุตรคนที่ 6 ในบรรดาลูกทั้ง 7 คนของ เลโอนาร์ด เรอนัวร์(1799-1874)กับ มาร์เกอริต
แมร์เล(1807-1896) บิดาของเขาเป็นช่างตัดเสื้อ มีรายได้แบบคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป
พอเขาอายุ 4 ขวบ ครอบครัวก็อพยพมาอยู่ที่ปารีสและเข้าฝึกงานในโรงงานผลิตเครื่องลายครามเมื่ออายุ
13 ปี ก่อนจะมาเป็นช่างเขียนภาพถ้วยชาม โดยได้เงินค่าจ้างเล็กๆน้อยๆ เพราะมีใจรักการเขียนภาพมาตั้งแต่เด็กๆ
จากความฝังใจในวัยเยาว์จึงดลบันดาลให้ภาพเขียนมีลักษณะสว่างสดใส ประกอบด้วยเงามืดบางๆ
เกลี้ยงเกลา และเรียบง่ายแบบกระเบื้อง อันมีอิทธิพลต่องานจิตรกรรมของเขาในเวลาต่อมา

ในบรรดากลุ่มเพื่อนศิลปิน(โคล้ด
โมเน่ต์,อัลเฟรด ซิสลี่ย์,เฟรเดริค บาซี่ย์..)เขียนภาพแนวประทับใจ,อิมเพรสชั่นนิสม์(impressionism)
นอกจากเรอนัวร์แล้วแทบจะไม่มีใครวาดภาพนู้ดเลย จึงควรที่จะนำผลงานศิลปะภาพเปลือยหญิงสาวในแบบฉบับของเรอนัวร์มาพินิจพิจารณาอย่างลึกซึ้ง
ช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 ภายหลังจากยุคเสื่อม,ตกต่ำของศิลปะโรแมนติค
ซึ่งนิยมวาดภาพเหมือนจริง ได้เกิดลัทธิการสร้างงานศิลปะแบบใหม่ขึ้น โดยได้รับความนิยมชื่นชมอย่างเงียบๆทีละเล็กละน้อย
ศิลปินผู้ริเริ่มศิลปะแบบนี้ค่อนข้างคุ้นหน้าค่าตากันในปัจจุบัน คือพวกที่แต่งตัวเรียบง่าย,ออกจะดูโทรมมากกว่าเป็นผู้ดี
มีจานสีกับพู่กันในมือ ตั้งผืนผ้าใบวาดภาพอยู่ตามมุมต่างๆในเมือง,ริมถนนหรือลานโบสถ์
ปราศจากผู้คนสนใจ


ถ้าเราได้พบคนเหล่านี้และเดินเข้าไปดูภาพที่เขาวาดจะมีลักษณะสีสันผิดแผก แตกต่างจากที่เราเคยเห็น
ภาพที่วาดขึ้นต่อหน้า ไม่ว่าจะเป็นบุคคล,ชุดเสื้อผ้าหรือองค์ประกอบแวดล้อม เช่น
ต้นไม้,ลำธาร,ท้องฟ้า ไม่ได้มีเส้นสายสีสันละเอียดเหมือนจริงตามสายตาเรา ภาพเหล่านั้นมักจะไม่ได้ร่างขอบรูปของแบบไว้ก่อน
จังหวะการลงสีพู่กันปาดไปมาอย่างรวดเร็วไม่พิถีพิถัน สีที่ใช้บางครั้งสดใสโทนแม่สี
โดยแทบไม่ผสมในจานสีมาก่อน ภาพคนก็เพียงแต่มองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ไม่ลงขอบเส้นใบหน้า,คิ้ว,ดวงตา
อย่างชัดเจน ท้องฟ้า,แม่น้ำ,ลำธาร ใช่จะปรากฏสีฟ้าและก้อนเมฆ,คลื่น ละอองน้ำสีขาว
กลับแซมด้วยริ้วรวงสีแดง,เหลือง ของแสงแดดสะท้อนเข้ามา งานศิลปะที่มุ่งบันทึกภาพชีวิตผู้คน
สถานที่ต่างๆและภาพธรรมชาติอย่างคร่าวๆ ใช้สีตามใจของศิลปิน จับจังหวะความประทับใจเข้าถึงอารมณ์ของภาพในช่วงเวลาสั้นๆ
เท่าที่ตามองเห็น รูปแบบการวาดภาพสไตล์นี้คือที่มาของ
ลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์(Impressionism)

ชีวิตของเรอนัวร์มีหลายสิ่งอย่างอย่างที่น่าศึกษา
เหมือนงานศิลปะของเขา เขาแสดงออกถึงความมีพรสวรรค์และอัจฉริยภาพ ในการทำงานศิลป์มาตั้งแต่สมัยเขียนภาพประกอบผิวกระเบื้อง
ถ้วยชาม,แจกันในโรงงานผลิตเครื่องลายคราม โดยตั้งใจแต่แรกว่าจะต้องเป็นศิลปินให้ได้
จึงอดทนเจียดเงินส่วนหนึ่งไว้เข้าศึกษา ในโรงเรียนศิลปะชั้นสูงแห่งกรุงปารีส
หรือ ปารี เซกอล เดส์ โบ-ซาร์ท(Paris Ecole Desbeaux-Arts) เขาศึกษาการทำงานศิลปะต่างๆอยู่ในสตูดิโอของ
ชาร์ลส์ เกลออีร์ ด้วยความอุตสาหะและอุทิศตนเป็นอย่างมาก เพราะเหตุนี้เขาจึงได้รู้จักคบหากับนักศึกษาที่มีความตั้งใจจริงเหมือนกัน
และเป็นศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ที่มีชื่อเสียง ในเวลาต่อมาหลายคน คนหนึ่งที่สนิทกันมากและมีอิทธิพลต่องานในช่วงแรกๆของเขาด้วยก็คือ
โคล้ด โมเน่ท์(Claude Monet)


สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่จะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดในการสร้างงานของเรอนัวร์
มาจากความประทับใจที่เขาได้มีโอกาสไปชมภาพเขียนเก่าๆในสมัย โรโกโก และ นีโอคลาสสิค(เป็นศิลปะปลายสมัยบาโร้กของยุโรป
ภาพทิวทัศน์จะมีแสงสว่างนุ่มนวล และมีบรรยากาศราวกับความฝัน ร่างกายมนุษย์จะอ่อนช้อย
หญิงสาวมีผิวเนียนแดงระเรื่อ สอดคล้องกับความต้องการของชนชั้นสูง ศิลปะชนิดนี้เสื่อมความนิยมไปพร้อมกับ
การล่มสลายของราชวงศ์ บูร์บอง และการปฏิวัติของฝรั่งเศสใน ค.ศ.1789)ประกอบกับประสบการณ์
รับจ้างเขียนภาพบนพัดของสตรีและธงของโบสถ์ ซึ่งนักสอนศาสนานำไปใช้ในต่างประเทศ(ภายหลังโรงงานผลิตเครื่องลายครามเลิกจ้าง
เพราะใช้เครื่องจักรพิมพ์ภาพลงบนถ้วยจานแทนช่างฝีมือ) การลอกภาพเขียนของจิตรกรสมัยโรโกโกนี้
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าช่วยเสริมทักษะในการใช้พู่กันเขียนภาพของเขามากขึ้น ที่พิพิธภัณฑ์
ลูฟวร์(Louvre) ซึ่งเรอนัวร์มีโอกาสเดินทางไปบ่อยๆ เนื่องจากเขารู้จักกับศิลปินคนหนึ่งที่มีสตูดิโออยู่ใกล้ๆที่ฝึกงานของเขา
ศิลปินคนนี้ต้องเดินทางไปที่ ลูฟวร์ หลายครั้งหลายหน เขาได้ชักนำเรอนัวร์ศึกษาและเกิดความประทับใจกับ
ผลงานของศิลปินฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 18 เช่น บูเชร์,วัตโต และ ฟราโกนาร์ด อิทธิพลของงานเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในช่วงท้ายๆ
ของการสร้างงานของเรอนัวร์อย่างเห็นได้ชัด..
Next Chapter>>