![]() ![]() ตรอกซอกซอย และ ถนนหลายสายมุ่งสู่ลานกลางเมือง แหล่งชุมนุมแลกเปลี่ยนสินค้า พืชผล ราวกับตลาดนัดก็มิปาน แซม,เกรกอรี่ และบ่าวรับใช้ของ คาปุเล็ต พร้อมดาบประจำกายเดินกร่างคับที่คับทาง " การทะเลาะเป็นเรื่องระหว่าง นาย และ ขี้ข้า นะ " เกรกอรี่ " ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ " แซม " เฮ้ย พวก มอนตะคิว มาแล้ว " เกรกอรี่ " อ้าว สวัสดี " บาทหลวงมอนตะคิวทักแม่ค้าผลไม้ " วิวาท ข้าหนุนหลังเอง " แซมกุมดาบแน่น " ใช่ ระวังหลังนะ " เกรกอรี่สอดรับ " วันนี้คนเยอะจังเลย " อับราฮัมบ่าวรับใช้ มอนตะคิว เปรย " ถุย ! " แซมถ่มน้ำลายดักหน้าคู่อริ แล้วอมนิ้วมือยียวน " เจ้ากัดหัวแม่มือใส่เราเหรอ " อับราฮัมสะดุ้ง " ข้ากัดหัวแม่มือของข้า " แซม " หือ ใช่ ! เจ้ากัดหัวแม่มือใส่เรา งั้นเหรอ " อับราฮัมย้ำ " เปล่า ข้าไม่ได้กัดหัวแม่มือใส่เจ้า ข้ากัดหัวแม่มือตัวเองต่างหาก " แซมกวนโทสะ " เดี๋ยว หาเรื่องกันชัดๆ จะเปิดศึกรึไม่ " เกรกอรี่จับหัวไหล่อับราฮัมฉุดรั้งไว้ " เปล่าๆ วิวาทหรือหามิได้ " อับราฮัมก้มหน้าไม่อยากมีเรื่อง " ถ้าเจ้าทะเลาะวิวาทข้าก็จะต่อกรด้วย ข้ารับใช้เจ้านายที่ดีเท่ากับเจ้านายของเจ้า ! " " ไม่ดีเท่า " อับราฮัมชักยั้วเมื่ออีกฝ่ายก้าวร้าวลูกพี่ " ดีกว่าด้วยซ้ำ " แซมสำทับ " เจ้าโกหก ! " พูดเสร็จบาทหลวงประจำตระกูลมอนตะคิวหัวเราะก๊าก พวกคาปุเล็ตเตะตัดขาหลังท่านบาทหลวงลงไปนอนวัดพื้น ศีรษะกระแทกขอบถังไม้ " ชักดาบ ! ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชาย " อับราฮัมระเบิดอารมณ์ " เกรกอรี่ นี่คือการต่อสู้ที่จะเลื่องลือไปอีกนาน " แซมฉายเดี่ยว บ่าวไพร่ทั้ง 2 ตระกูลประกบกันดวลดาบตัวต่อตัว ใครไม่มีอาวุธก็ใช้มือเปล่าชกชุลมุนต่อหน้าธารกำนัล บ้างก็เรียกคนในปราสาทมาสมทบ ไล่ต้อนชนข้าวของกระจาย แผงไม้,ร่มกันแดดล้มเกลื่อน เป็นที่อกสั่นขวัญแขวนของชาวประชา " หยุดๆ หยุดเสียทีได้มั้ย .. รู้มั้ยห้ามมีการวิวาทบนถนนแห่ง เวโรนา " ชาวบ้านตะโกนลั่น ![]() " ข้าต่อสู้เพื่อรักษาความสงบ จงเก็บดาบซะไม่งั้นจะตายกันหมด " เบ็นโวลิโอ " อะไรกัน เก็บดาบแล้วเรื่องราวจะยุติงั้นเหรอ ฮึ ฉันเกลียดคำนี้ เหี้ยมอนตะคิว เพราะเจ้ามันขี้ขลาด " ติบอลต์พาลตอบ " คาปุเล็ต ลุยเลย .. " เกรกอรี่โยนหมวกเป็นสัญญาณ บ่าวไพร่คว้าอาวุธของมีคมติดมือจากคลังแสงใต้ถุนปราสาทรีบกรูกันออกมา " นี่ไง ข้าจะฉีกเนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆ " ชั้นเชิงดาบ ติบอลต์ สูงกว่า จิ้มปลายแหลมแทงเฉียดหน้าผาก เบ็นโวลิโอ " เจ้าคนถ่อย " อับราฮัมเข้าขวาง,ประดาบกับติบอลต์แทน " ลั่นระฆัง " " เอาดาบยาวมาให้ข้า คาปุเล็ต ไปโลด ! สั่งสอนพวกขี้ข้า ฆ่ามัน ฆ่าไอ้พวกถ่อยมอนตะคิว " นายคาปุเล็ตสวมเสื้อยาวเฟื้อยงุ่นง่านนำพล " ท่านลุงข้า .. " เบ็นโวลิโอร้องเรียกคนมาช่วยพยาบาลบาทหลวง " ดาบข้าล่ะ ดาบข้าอยู่ไหน " นายมอนตะคิว " ไม่นะ ท่านไม่ควรแกว่งเท้าเข้าหาเสี้ยน " คุณนายมอนตะคิว " อย่ารั้งข้า ปล่อยข้าไป ไอ้ห่าคาปุเล็ต อย่าเพิ่งหนีไปไหน พวกเราลุยแม่งเลย " แผงลอย,ร้านรวงพังราบ ผู้คนแตกหนีกระเจิงเมื่อพลพรรค 2 ตระกูลใหญ่ระดมกำลังเข้าราวีกันเต็มอัตราศึก ท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวลมีม้าศึกบริวารวิ่งนำทางเจ้านคร " ปริ๊นซ์ มาแล้ว วางอาวุธลง ! " องครักษ์ตะโกนก้อง เสียงแตรทรัมเป็ตเป่าขานรับขบวนเสด็จ " เจ้าพวก ไพร่ กำเริบเสิบสาน ศัตรูของความสงบจงวางอาวุธจัญไรของเจ้าเดี๋ยวนี้ แหละนี่คือ คำพิพากษา ของข้าในฐานะ ปริ๊นซ์ การวิวาทเกิดจากการปั่นหัวยุยงของเฒ่าคาปุเล็ต " " โอ ไม่ ไม่ใช่ข้า " " และ มอนตะคิว 3 คราแล้วที่พวกเจ้าก่อกวนความสงบ หากมีอีกครั้งชีวิตพวกเจ้าจะม้วยมรณ์เพื่อธำรงไว้ซึ่ง สันติ สำหรับครั้งนี้พวกเจ้าที่เหลือจงแยกย้ายกันไปได้ ส่วน คาปุเล็ต เจ้าจงมากับข้า และ มอนตะคิว จงมาบ่ายนี้ อีกครั้งเดียวเจ้าถึงครามอดม้วย ทหารกลับวังได้ ! " " โรมิโอ ไปไหนเจ้าเห็นเขามั้ย ข้ายินดีที่ไม่เห็นเค้าในการทะเลาะวิวาท " คุณหญิงมอนตะคิว " ก่อนแสงสุริยาทอผ่านเหนือบัญชร ยามย่ำรุ่งข้าเห็นบุตรท่านเดินเข้าสู่ใต้ร่มพฤกษาดงมะเดื่อ ณ ปัจฉิมทิศแห่งบุรีราม เขาแสร้งหลบเร้นข้า แผงกายในป่าช้ามิรีรอ ข้าจึงบ่ตามไปรบกวน " เบ็นโวลิโอ " มีผู้คนเห็นเค้าเป็นเช่นนั้นหลายเพลา " นายมอนตะคิว " เค้ามานั่นแล้ว ขอร้องท่านหยุดถามไถ่ ข้าจะรองเจรจา " เบ็นโวลิโอ " ข้ายินดียิ่งถ้าเจ้าถามไถ่ ข้าจะรอฟังความ เราไปเถอะ " คุณหญิงและนายมอนตะคิวเดินจากไป " อรุณสวัสดิ์พี่ชาย " เบ็นโวลิโอ " ยังเช้าอยู่หรือ " โรมิโอ " เพิ่งจะตี 9 " " เวลาช่างเนิ่นนานจัง บิดาข้าใช่หรือไม่ที่เร้นไป " " ถูกแล้ว ทุกข์ใดทำให้ โรมิโอ ทอดเวลาเศร้าระทม " " ไร้สิ่ง หากแม้นได้ จะทำให้โมงยามสั้นโข " " เพราะรักหรือ? " " ไร้รัก ไร้เมตตา รักคือควันเกิดมีจากไอแห่งความถอนใจพัดขึ้น เหมือนอัคคีที่แววตาผู้รักไซร้ข้อง เหมือนสมุทรใหญ่เต็มน้ำตาแห่งผู้รัก และเป็นอะไรอีก? เป็นความบ้าอันดีหนักหนา รสขมที่ขื่นนัก และรสหวานสมานใจ ลาก่อนน้องยา .. " โรมิโอ พบคนบาดเจ็บจากเหตุจราจลของ 2 ตระกูล " พระเจ้าเกิดอะไรขึ้นอีก .. ไม่ต้องกล่าวอันใด รังเกียจเจ้าที่ใช้ ความเกียจชัง มากกว่า ความรัก " " ใจเย็นๆ ข้าไปด้วย " ปราสาทตระกูลคาปุเล็ต ปารีส ขุนนางหนุ่มญาติเจ้านครมาเยี่ยมเยือนท่านผู้เฒ่า " พวกมอนตะคิวก็ถูกคาดโทษไว้เช่นกัน มันไม่ยากเลยสำหรับผู้อาวุโสอย่างเราที่จะรักษาสันติ " คาปุเล็ต " ใต้เท้าทั้งสอง ศักดิ์และเกียรติก็เสมอกัน น่าเศร้าที่โกรธเคืองกันนานครัน ใต้เท้า .. คำขอข้า " ปารีส " ข้าขอกล่าวซ้ำซึ่งคำเคยกล่าว บุตรีของข้าเดียงสาต่อโลกา นางยังไม่ผ่านฤดู 14 เสียด้วยซ้ำ อีกสักสองเหมันต์ค่อยเจรจา นางจะสุกพร้อมเป็นเจ้าสาว " " หญิงวัยเยาว์กว่านางให้กำเนิดบุตรมามากมาย " " ชิงสุกก่อนห่ามจะทุกข์ตรม ธรณีสูบคืน ความหวัง ลูกฉันก็ล้มตายสิ้นแล้วเหลือเอกา และ นาง คือความหวังในพิภพ จงเกี้ยวและชนะใจนาง ข้าอยากให้นางยินดีเหนือสิ่งอื่นใด โอ้คืนนี้ข้าอยากจัดเลี้ยงตามประเพณีที่ดี เชิญแขกมากมายเหลือคณา ล้วนสนิทเสน่หาท่ามกลางญาติวงศา เชิญท่าน .. " " ข้ายินดียิ่ง " อีกห้องหนึ่งในปราสาทคาปุเล็ต " แม่นมลูกสาวข้าอยู่ไหน " คุณหญิงคาปุเล็ต " แม่สาวน้อยวัย 14 ชันษา สาวน้อยเอ๋ยข้าจะเรียกนาง จูเลียต จูเลียต สาวน้อยอยู่ไหน จูเลียต สาวน้อยไปไหน จูเลียตตต " " อะไรกันใครเรียกหา " จูเลียต " ท่านแม่ให้ไปหา ท่านแม่ของคุณหนู รีบเข้าเถอะ เร็วซี่ " " ท่านแม่ลูกอยู่นี่ เรียกหาด้วยเหตุใด " " สาวใช้ออกไปก่อน แม่นมด้วยข้าจะคุยเรื่องลับกับลูก .. แม่นมกลับมา ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้ บุตรีข้าอยู่ในช่วงเจริญวัย " " ข้าจำได้ว่าอายุนางกี่ชั่วโมง " " นางยังไม่ 14 " " อีกกึ่งเดือนกับเศษวันจะถึงคืนแล็มมาส คุณหนูจะครบ 14 ซูซาน(ลูกแม่นมจากไปตั้งแต่เป็นทารก)และนางอายุเท่ากัน เวลานี้คุณล้มคว่ำลงหรือนั่น เมื่อรู้เดียงสาพลันจะต้องล้มลงนอนหงาย " " พอก่อนอย่าพูดเหลวไหล " " เจ้าค่ะ แต่ดิฉันอดขันไม่ได้ พระเจ้าทรงทราบว่านางงดงามเหนือหญิงใดในหล้า(จูเลียตโผกอดแม่นม) และข้าจะอยู่จนเห็นเจ้าได้วิวาห์ " " ก็เรื่อง วิวาห์ นั่นแหละที่ข้ากำลังจะกล่าวถึง บอกแม่สิ จูเลียต ลูกปรารถนาอย่างไรในการวิวาห์ " " ด้วยเกียรติข้าไม่อาจเอื้อม " " เกียรติเหรอ ข้าเป็นแม่นมคุณหนูตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนหอยเท่าฝ่าตีน " " ข้านับดูข้าเป็นมารดาเจ้าตอนข้าอายุน้อยกว่าเจ้านี้เสียอีก(ใช่ๆ->แม่นม) พูดตรงๆ ปารีส ผู้ทรงธรรมขอความรักจากเจ้า(ชายโสดคู่หญิงสาว คุณเจ้าคะเขาคือชายหนุ่มแห่งบุปผา) คิมหันต์แห่งเวโรนา(ท้องฟ้าแห่งศรัทธา) ว่าอย่างไรรักชายนั้นได้รึไม่ " " นายหญิง ๆ พวกแขกมาพร้อมแล้ว ท่านจงสั่งการเถิดนายหญิง " สาวใช้ " เดี๋ยวเราตามไป บอกแม่มาเจ้ารับปาก ปารีส ได้รึไม่ " " ลูกจะดูเพื่อรัก แม้รักได้เพราะดูกัน สายตาลูกนั้นไม่ดูเกินกว่าท่านแม่สนิทชอบ " " จูเลียตจงมาสำราญ " " ท่านแม่ลูกมาแล้ว " " เชิญสู่ราตรีแผ้วเพื่อนำสู่ทิวาสราญ " แม่นม ![]() " ขอหน้ากากเพื่อข้าใส่อำพราง ข้าจะสนใจใย สายตาใคร่รู้ที่ลอบจับผิด แมลงปีกแข็งจะส่องแสงเรื่อแทนข้า " เมอร์คิวชิโอ " ข้ากล่าวขอโทษด้วยเหตุผล หรือล่วงล้ำก็ขออภัย " โรมิโอ " ป่วยการที่จะพล่ามกล่าวแล้ว ให้พวกเค้าวัดใจเราเถิด และพวกเราก็วัดใจพวกเค้า มาเถอะ เคาะ แล้วเข้าไปในไม่ช้า พวกเรามาช่วยกันลากขาเค้าเข้าไปกันเถิด " เบ็นโวลิโอ " เราตั้งใจดีเข้าร่วมงานโดยสวมหน้ากากแต่หาควรทำไม่ " โรมิโอ " ด้วยเหตุอันใดหรือ " เมอร์คิวชิโอ " เมื่อคืนนี้ข้าฝัน " " ข้าก็เหมือนกัน " " เจ้าฝันว่ากระไร " " โอ้ ข้าฝันว่าฝันมัก ลวง " " แต่ทว่าเรานอนฝันมักเห็นสิ่งเป็นจริงแท้ " โรมิโอ " อ้อ งั้นข้าฝันว่า ควีนแม็บ อยู่กับเจ้า " " ควีนแม็บ เหรอ ใครน่ะ " เบ็นโวลิโอ " นางก็คือ หมอตำแย ของข้า นางมาในร่างไม่ใหญ่เกินเม็ดพลอยโมรา บนนิ้วชี้ของเทศมนตรี เมืองหายไปในม่านหมอก มีสัตว์ตัวนิดๆ ลาก รถ กระจ้อยที่เธอขี่ ผ่านนาสิกขณะคนหลับไหล ซี่ล้อรถลากทำด้วยไม้ปั่นฝ้ายลำแสนยาว เบาะคลุมทำด้วยปีกตั๊กแตนเขียว รอยลากของเธอเล็กเกินกว่าใยแมงมุม เชือกลากสะท้อนกับน้ำกระทบแสงจันทร์ ตัวริ้นสารถีเฆี่ยนจิ้งหรีดน้อยร่างแหลกสลาย ในครานี้ที่เธอย่างเหยาะคืนแล้วคืนเล่า วิ่งพล่านหาคู่รัก นิมิตแห่งความรัก ชอนไชริมฝีปากหญิงสาวเคลิ้มฝันไซร้ว่าได้จุมพิต จุ๊บๆ ด้วย แม็บ ที่โกรธเกรี้ยว เกิดเป็นแผลพุพองเพราะลมหายใจนั้นมีรสแสนโอชะ นางอำพรางมาในร่างสุกรเขี่ยนาสิกเสวกขณะนิทราแล้วฝันถึงสาวงามของเขาอีกคน .. อาเมน นางขับรถผ่านคอทหารหาญเนรมิตฝันว่าได้เชือดคอศัตรู แล้วตัดใบหูมาร้อยมาลัย บัดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาตระหนกตกใจ นี่แหละคือ แม็บ ที่เชือกแขวนคอม้ายามค่ำคืน ล่อลวงพวกพรายให้หลงใหลในความโสมมซึ่งเคยสะสางในยามชะตาพลิกผัน นางคือ แม่มด เมื่อเห็นหญิงสาวนอนหงาย นางขึ้นกดทับทำให้พวกหล่อนยอมสู่สมตั้งครรภ์กันถ้วนทั่ว นี่แหละนาง นี่แหละคือนาง " " ฟังก่อน ท่านพูดจาหามีสาระไม่ " " ข้าเป็นเด็กที่ถือกำเนิดไร้ค่า ด้อยเหตุผลมีแต่จินตนาการที่แสนบางเบายิ่งกว่าสสาร ไม่มั่นคงยิ่งกว่าลมพัด ทะลวงผ่านก้นทะเลยะเยือกทิศอุดร โกรธเกรี้ยวพัดพาสรรพสิ่งกลายเป็นหยดน้ำค้างทางทักษิณ " " ลมปากท่านพัดพาเราเตลิดไปไกลยิ่ง ไปกันเถอะ เร่งเถิดสหายทั้งหลาย " เบ็นโวลิโอ " โรมิโอ อย่าไปสายนะ " บ่าวไพร่ " ข้าวิตกว่าเร็วไป ใจข้าเกิดกังวลจะมีผลร้ายแฝงอยู่ในเหล่าดารา ส่งผลกับ ดวงชะตา ที่น่าหวาดกลัวในคืนสุดรอนราญ อวสานแห่งชีวิตสุมอกข้า พระผู้เป็นเจ้าโปรดนำทางข้าไปข้างหน้า และ ช่วยอำนวยชัย .. " ห้องโถงใหญ่ในปราสาทคาปุเล็ต " เชิญเข้ามาในเคหาอันต่ำต้อยของข้า เชิญ เชิญ โอ้ เฮเลน่า ผู้น่าเสน่หาหลานรักของลุง เชิญทุกท่านจงสำราญ ทุกท่านจงสนุกกันเต็มที่ สาวๆมารื่นเริงกันเถอะ ข้าไม่เคยเห็นใครสวมหน้ากากเช่นนี้มาก่อน (จ้อง เบ็นโวลิโอ และ โรมิโอ ) จงกระซิบคำหวานซึ่งหญิงชอบกันนักหนา " นายคาปุเล็ต โรมิโอและสหายเดินปะปนกับแขกรับเชิญคนอื่น เบ็นโวลิโอ ถูกตาต้องใจ เฮเลน่า ส่วนโรมิโอสอดส่ายสายตาผ่านคนโน้นทีคนนี้ทียังไม่ถูกใจใคร ครั้นเหลือบมองกลุ่มชายหญิงที่จับมือล้อมวงเต้นรำก็ประสบพบเจอ .. " นางผู้เป็นประดุจแสงโคมเจิดจ้า ราวกับดวงดาวกะพริบยามค่ำคืน หรือ อัญมณีหาค่ามิได้ ช่างงามเหนือคำบรรยาย พระเจ้าส่งนางผู้สวยเด่นฟ้าลงมายังโลกา นางทำให้หัวใจข้าเต้นแรงระส่ำ จบเพลงระบำพลันจะคอยดูหล่อนอยู่ไหน แล้วต้องมือน้อยๆ เคยรักแน่หรือใจข้า .. ตาเอ๋ยข้าไม่เคยเห็นใครงามจริงเท่าคืนนี้ " " เจ้านั่นเป็นพวก มอนตะคิว " ติบอลต์บอกคุณหญิงคาปุเล็ตแล้วรี่มาฟ้องเจ้าภาพ " ท่านลุงนั่น มอนตะคิว คู่แค้นเรา ไอ้สันดานมาเหยียบย่ำถึงถิ่น เยาะเย้ยงานรื่นเริงของเรา มันกล้าดีอำพรางตัวด้วยหน้ากากตลก คิดจะปกปิดความโสมม " " โรมิโอ รึ อดใจไว้ ชาวเวโรน่าชื่นชมเขาว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีอุตสาหะ และประพฤติดี ข้ายอมเสียทรัพย์สินทั้งนครแต่จะไม่ยอมให้เกิดกลียุคในบ้านของข้า จงอดทนเอาไว้อย่าไปสนใจเค้า " " แต่มันเป็นตัวกาลี ข้าไม่ขอทนนี่ " " ถ้าเจ้ายังเคารพลุงไซร้จงทำหน้าเบิกบาน เลิกหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เป็นมงคลแก่งาน " " ไล่มันไปเถอะลุง น่าขายหน้านัก " ติบอลต์ชักเหลืออด " ไปซะ..! อย่าเสือกมาสะเออะวิวาทในหมู่แขกข้า ข้าเป็นนายที่นี่หรือเจ้า " " ข้าจะไม่ขอร่วมวงไพบูลย์กับเจ้าตัวร้าย " " ข้าสั่งให้เจ้าอดทนเข้าใจรึไม่ หยุดพูด ดีแล้วสหาย เชิญสำราญ ! " " ใช่แล้วที่รัก " คุณหญิงผลักติบอลต์เข้าไปกลางวงระบำรื่นเริง กลุ่มนักร้อง,นักดนตรีขยับมากลางฟลอร์ เสียงเพลงบรรเลง A Time For Us " ลีโอนาโด ขับร้องเถิด ร้องเลย ร้องเลย .. " ![]() A time for us, some day there'll be
When chains are torn by courage born of a love that's free A time when dreams so long denied can flourish As we unveil the love we now must hide A time for us, at last to see A life worthwhile for you and me And with our love, through tears and thorns
And with our love, through tears and thorns A world of shining hope for you and me " ข้าล่วงล้ำมาในสถานวโรดมด้วยหัตถ์ไร้ค่า ปากหาร้ายไม่ ริมฝีปากข้านั้นเหมือน ผู้แสวงบุญ ขอแก้กิจกาลีด้วยรอยจุมพิต " โรมิโอดึงมือน้อยๆจูเลียตมาจูบ |